
การรักษานิ่วในถุงน้ำดี (LC) และนิ่วในท่อน้ำดี (ERCP) ด้วยเทคนิคผ่าตัดส่องกล้อง
นิ่วในถุงน้ำดีและนิ่วในท่อน้ำดีเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในระบบทางเดินน้ำดี โดยเฉพาะในกรณีที่เกิด ท่อน้ำดีอุดตัน หรือ ท่อน้ำดีอักเสบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษา การรักษาในปัจจุบันมีเทคโนโลยีส่องกล้องที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยและการรักษาได้อย่างแม่นยำ และลดผลภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ป่วย ในปัจจุบันแพทย์สามารถทำการรักษาผู้ป่วยที่มีนิ่วในถุงน้ำดี โดยใช้เทคนิคผ่าตัดส่องกล้องทางหน้าท้อง เพื่อรักษาผ่านิ่วในถุงน้ำดี และการส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดี เพื่อรักษานิ่วในท่อดี โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลใหญ่ แผลเล็กลงกว่าเดิม หายเร็วขึ้น ช่วยลดจำนวนวันพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา ให้ปัญหาสุขภาพที่เป็นเรื่องใหญ่ เล็กลงได้
นิ่วในถุงน้ำดี: สาเหตุและอาการที่ต้องระวัง
นิ่วในถุงน้ำดี (Gall Stone) เกิดจากการตกผลึกของสารประกอบในน้ำดี เช่น แคลเซียม คอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน ซึ่งส่งผลให้เกิดนิ่วที่มีขนาดแตกต่างกันในถุงน้ำดี โดยเฉพาะในกรณีที่นิ่วหลุดไปอุดตันในท่อน้ำดี อาจทำให้เกิดภาวะ ท่อน้ำดีอักเสบ และอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงที่อันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

นิ่วในถุงน้ำดีสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- นิ่วคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) ซึ่งมักมีสีเหลือง ขาว หรือเขียว เกิดจากการที่ร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลสูงจนเกิดการตกตะกอนของไขมันในถุงน้ำดี
- นิ่วจากเม็ดสี (Pigment Stones) มีลักษณะเด่นคือสีคล้ำถึงดำ มักพบในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเลือด เช่น โรคโลหิตจาง หรือโรคตับแข็ง
- นิ่วโคลน (Mixed Gallstones) ซึ่งมีลักษณะเหนียวหนืดคล้ายโคลน สาเหตุมักเกิดจากการติดเชื้อบริเวณอวัยวะใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นตับ ท่อน้ำดี หรือตับอ่อน

นิ่วในท่อน้ำดี: สาเหตุและอาการที่ต้องระวัง
นิ่วในท่อน้ำดี อาจเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดีที่หลุดเข้ามาในท่อน้ำดีทำให้เกิดนิ่วในท่อน้ำดี ท่อน้ำดีอุดตัน ท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อและการอุดตันของท่อน้ำดีโดยตรง เมื่อนิ่วเคลื่อนตัวลงสู่ท่อน้ำดี ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดท้องซึ่งอาจปวดแบบพักๆ หรือปวดต่อเนื่อง โดยความเจ็บปวดจะทวีความรุนแรงขึ้นและร้าวไปถึงด้านหลัง พร้อมกับอาการร่วมอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก และใจสั่น ซึ่งอาการเหล่านี้คล้ายคลึงกับอาการของผู้ป่วยที่มีนิ่วในถุงน้ำดี
การปล่อยไว้โดยไม่รับการรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง หากนิ่วเคลื่อนลงไปอุดตันที่ท่อน้ำดีส่วนปลายผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการดีซ่าน ตาเหลือง ตัวเหลือง มีไข้ และปัสสาวะมีสีเข้มผิดปกติ ภาวะนี้อาจนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียในท่อน้ำดีอย่างรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเสียชีวิตได้ หรืออาจก่อให้เกิดตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันได้
การวินิจฉัยและเทคนิคการรักษา
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยในการกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม โดยการตรวจวินิจฉัยจะช่วยให้แพทย์สามารถระบุได้ว่า ผู้ป่วยมีนิ่วในถุงน้ำดีหรือมีนิ่วในท่อน้ำดีหรือไม่ และวางแผนแนวทางการรักษา วิธีที่นิยมใช้ในการวินิจฉัยได้แก่:
- อัลตราซาวด์ (Ultrasound): เป็นวิธีที่นิยมใช้ในการตรวจหานิ่วในถุงน้ำดีและท่อน้ำดี เนื่องจากมีความแม่นยำสูงและไม่ต้องใช้รังสี
- CT Scan MRI หรือ MRCP: ช่วยประเมินโครงสร้างและความผิดปกติในท่อน้ำดี เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนของทางเดินน้ำดี
- การส่องกล้องท่อน้ำดี: เป็นวิธีที่สามารถตรวจวินิจฉัยและรักษาได้ในขั้นตอนเดียว โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถเอานิ่วออกได้ทันทีหากพบว่ามีการอุดตัน

การรักษาผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีและท่อน้ำดีด้วยการผ่าตัดส่องกล้องนิ่วในถุงน้ำดี (LC) และการส่องกล้องตรวจรักษาท่อน้ำดี (ERCP) ถือเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้มาตรฐานได้รับการยอมรับทางการแพทย์ และนำมาใช้ในโรงพยาบาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลทั่วไป หรือศูนย์ผ่าตัดนิ่วเฉพาะทาง รวมถึงโรงพยาบาลภัทร-ธนบุรี ที่พร้อมให้บริการรักษาด้วยแพทย์มากประสบการณ์ และเทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้องที่ทันสมัย
ด้วยเทคนิคการผ่าตัดส่องกล้อง ช่วยให้คุณกลับสู่ชีวิตที่ใช่ เร็วกว่าที่คิด ด้วยการรักษาที่ต้นเหตุ แผลเล็กลง เสียเลือดน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด และลดระยะเวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาล การวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น ให้ทุกปัญหาสุขภาพเรื่องนิ่วของคุณที่เป็นเรื่องใหญ่ เล็กลงได้ ที่โรงพยาบาลภัทร-ธนบุรี